แหล่งที่มารูปภาพ 5 Amazing Google Ads Tools You Need to Use
รู้จักกับ Google Ads เครื่องมือที่ช่วยคุณเจาะกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น!
การยิงโฆษณาด้วย Google Ads (หรือที่เรียกว่า Google AdWords) เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการโปรโมทสินค้าหรือบริการผ่านแพลตฟอร์มการค้นหาของ Google รวมถึงเครือข่ายพันธมิตรต่างๆ เช่น YouTube และเว็บไซต์ที่เป็นส่วนหนึ่งของ Google Display Network (GDN)
การยิงโฆษณาด้วย Google Ads มีขั้นตอนหลักๆดังนี้
1. การตั้งค่าบัญชี Google Ads
ขั้นแรกคุณต้องมีบัญชี Google Ads ซึ่งสามารถสมัครได้ผ่านเว็บไซต์ของ Google Ads (https://ads.google.com) โดยต้องใช้บัญชี Google (Gmail) ในการลงทะเบียน หลังจากนั้นคุณสามารถเลือกตั้งค่าหมายเลขบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารเพื่อชำระค่าใช้จ่ายในแคมเปญโฆษณาของคุณ
2. การกำหนดเป้าหมาย
ก่อนที่จะเริ่มการสร้างโฆษณา คุณต้องรู้ว่าผู้ที่คุณต้องการให้เห็นโฆษณาคือใคร และต้องการให้โฆษณาของคุณแสดงในสถานที่ไหน เช่น
- ค้นหาผ่าน Google: เมื่อมีคนค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ
- เครือข่ายแสดงผล (Display Network): โฆษณาของคุณจะแสดงบนเว็บไซต์พันธมิตรของ Google เช่น YouTube หรือเว็บไซต์ที่เป็นส่วนหนึ่งของ GDN
- YouTube: โฆษณาสามารถแสดงก่อนหรือระหว่างการเล่นวิดีโอบน YouTube
- แอปมือถือ: Google Ads ยังสามารถแสดงในแอปต่างๆ ที่ใช้ระบบโฆษณาของ Google
3. การเลือกประเภทโฆษณา
- Google Ads: มีประเภทโฆษณาหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละประเภทมีการใช้งานที่แตกต่างกัน:
- Search Ads: โฆษณาที่แสดงในหน้าผลการค้นหาของ Google
- Display Ads: โฆษณาภาพหรือข้อความที่แสดงในเครือข่ายเว็บไซต์พันธมิตร
- Video Ads: โฆษณาวิดีโอที่แสดงใน YouTube
- Shopping Ads: โฆษณาสินค้าในรูปแบบที่แสดงภาพผลิตภัณฑ์และรายละเอียด เช่น ราคา
- App Ads: โฆษณาเพื่อโปรโมทแอปพลิเคชัน
4. การเลือกคำค้นหา (Keywords)
การเลือกคำค้นหาที่เหมาะสมคือสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างแคมเปญโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากคุณจะต้องเลือกคำที่ผู้ใช้งานมีแนวโน้มจะค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของคุณ ตัวอย่างเช่น หากคุณขายรองเท้ากีฬา คุณอาจเลือกคำค้นหา เช่น
- “รองเท้ากีฬาผู้ชาย”
- “รองเท้าวิ่งราคาถูก”
- “รองเท้ากีฬายี่ห้อไหนดี”
การใช้เครื่องมือ Google Keyword Planner จะช่วยให้คุณค้นหาคำค้นหาที่มีปริมาณการค้นหาสูงและมีการแข่งขันน้อย
5. การตั้งงบประมาณ (Budget)
ใน Google Ads คุณสามารถกำหนดงบประมาณรายวันที่คุณยินดีจะใช้ในการโฆษณา เช่น หากคุณตั้งงบประมาณวันละ 500 บาท Google Ads จะไม่เกินจากนี้ในแต่ละวัน โดยคุณสามารถตั้งราคาต่อคลิก (CPC) หรือราคาต่อการแสดงผล (CPM) ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ
6. การเขียนข้อความโฆษณา (Ad Copy)
ข้อความโฆษณาคือสิ่งที่ผู้ใช้เห็นในผลการค้นหาหรือในเครือข่ายพันธมิตร การเขียนข้อความโฆษณาควรชัดเจนและดึงดูดความสนใจ เช่น
- หัวข้อ (Headline) ควรสื่อสารจุดเด่นของสินค้า
- คำอธิบาย (Description) ควรเน้นประโยชน์และข้อดีที่ผู้ใช้จะได้รับจากการคลิกโฆษณา
- มีการเรียกร้องให้ทำการกระทำ (Call to Action) เช่น “คลิกที่นี่เพื่อรับส่วนลด” หรือ “สั่งซื้อเลยวันนี้”
7. การตั้งค่าการเสนอราคา (Bidding)
การเสนอราคาคือการที่คุณกำหนดราคาในแต่ละคลิกหรือการแสดงผลของโฆษณา Google Ads ใช้ระบบ CPC (Cost Per Click) หรือ CPM (Cost Per Thousand Impressions) หรือ CPA (Cost Per Acquisition) ในการคำนวณราคาโฆษณาของคุณ
8. การติดตามและวิเคราะห์ผล
หลังจากที่แคมเปญของคุณเริ่มแสดงผลแล้ว คุณจะต้องติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของโฆษณาผ่าน Google Ads Dashboard โดยดูที่ข้อมูลต่างๆ เช่น
- CTR (Click-Through Rate): อัตราการคลิกโฆษณาต่อการแสดงผล
- CPC: ค่าใช้จ่ายต่อการคลิก
- Conversion Rate: อัตราการแปลงจากการคลิกไปสู่การทำธุรกรรมหรือการลงทะเบียน
- ROAS (Return on Ad Spend): ผลตอบแทนจากการลงทุน
9. การปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพ
การทำงานกับ Google Ads เป็นกระบวนการที่ต้องทำการทดสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เช่น การทดลองเปลี่ยนข้อความโฆษณา (A/B Testing), การเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย, หรือการปรับราคาประมูล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจากแคมเปญของคุณ
สรุป
การยิงโฆษณาด้วย Google Ads เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการดึงดูดลูกค้าใหม่และเพิ่มยอดขาย แต่การสร้างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จต้องใช้การวางแผนและการติดตามผลอย่างรอบคอบ การเลือกคำค้นหาที่เหมาะสม, การตั้งงบประมาณที่ชัดเจน, และการปรับปรุงแคมเปญเป็นประจำล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้โฆษณาของคุณมีผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ref.
Google Ads คืออะไร? จบ ครบในที่เดียว
Google Ads คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไรกับการตลาดออนไลน์
เครื่องมือจัดการโฆษณา Google ที่ดีที่สุด
Comments are closed