ในปี 2004 เสียงสังเคราะห์ Vocaloid ได้เกิดขึ้นมาเป็นสะพานเชื่อมระหว่างเทคโนโลยีกับดนตรี สร้างผลกระทบทางวัฒนธรรมที่ไม่เหมือนใคร เพียงแต่ว่าแม้หลังจากผ่านไปสองทศวรรษ ผู้คนทั้งหลายก็ยังคงมีความยากลำบากในการเข้าใจบริบทของปรากฏการณ์เสียงนี้ เราจะอธิบายให้คุณฟังว่าโวคาลอยด์คืออะไร ทำงานอย่างไร วัฒนธรรมที่อยู่เบื้องหลังคืออะไร และ ตัวละครอนิเมะสีสันสดใสเหล่านี้เกี่ยวข้องอะไรกับมัน และ ใครคือ Hatsune Miku กันแน่ เมื่ออ่านบทความนี้จบ คุณจะเข้าใจว่าความนิยมของโวคาลอยด์ได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากเครื่องมือเทคโนโลยีเฉพาะกลุ่มให้ไปถึงระดับโลกได้อย่างไร
ที่มา
6 Virtual Singers Who Enlivened Many Works, All in One Collection!
ทำความรู้จักกับ Vocaloid
Vocaloid คือ ซอฟต์แวร์เสียงสังเคราะห์ที่ใช้สำหรับสร้างผลงานเพลง โดยอนุญาตให้ผู้ใช้ป้อนเมโลดี้ และ เนื้อเพลงมาให้ ซอฟต์แวร์เสียงสังเคราะห์ สร้างสรรค์เพลงจากเสียงสังเคราะห์ที่บันทึกไว้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาโวคาลอยด์ไม่เพียงแต่สร้างแนวดนตรีใหม่ แต่ยังส่งเสริมปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมดนตรีให้มีชีวิตชีวามากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายด้านของความบันเทิง การมีส่วนร่วมของแฟน ๆ ที่ชื่นชอบในตัวละครโวคาลอยด์ และ อุตสาหกรรมดนตรีโดยรวม
เทคโนโลยีเบื้องหลัง Vocaloid
Vocaloid คล้ายกับการที่ซินธิไซเซอร์เปียโนจำลองเสียงของเปียโน โดยโวคาลอยด์จะสังเคราะห์เสียงร้องของมนุษย์ ผู้ใช้จะป้อนเนื้อเพลงและทำนอง ซึ่งซอฟต์แวร์จะประมวลผลเพื่อสร้างเสียงร้อง กระบวนการนี้จะมีการเลือกเสียงสังเคราะห์จาก Voice Bank ที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละเสียงจะมีตัวแทนเป็นตัวละครโวคาลอยด์มาประจำเสียง
อินเทอร์เฟซของซอฟต์แวร์โวคาลอยด์ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย มีการใช้โรลเปียโนสำหรับการป้อนโน้ต โปรแกรมแก้ไขสำหรับจัดระเบียบแทร็ก ตัวมิกเซอร์สำหรับปรับระดับเสียงและเอฟเฟกต์ และ เครื่องมือสำหรับปรับแต่งลักษณะเสียง ผู้ใช้สามารถนำแทร็กดนตรีเข้าไป ปรับเปลี่ยนเสียงของโวคาลอยด์หลายตัวพร้อมกัน และ ใช้ความสามารถในการแก้ไขขั้นสูงที่พัฒนาขึ้นอย่างมากจากเวอร์ชันก่อนหน้า ในตอนแรกโวคาลอยด์ถูกจำกัดให้ใช้เสียงเดียวในแต่ละครั้ง และ การผลิตขึ้นอยู่กับความสามารถทางดนตรีของผู้ผลิตอย่างมาก วันนี้มันมีความยืดหยุ่นมากขึ้นและรองรับหลายภาษา รวมถึงญี่ปุ่น อังกฤษ สเปน จีน เกาหลี และ คาตาลัน
หนึ่งในแง่มุมสำคัญของโวคาลอยด์ คือ Voice Bank ซึ่งบันทึกเสียงมาจากนักร้องหรือนักพากย์เสียงมืออาชีพ โดยแต่ละเสียงจะถูกบันทึกแยกกัน เพื่อให้สามารถสังเคราะห์เสียงร้องที่มีความสมจริง และ แสดงออกได้อย่างมีชีวิตชีวา กระบวนการบันทึกเสียงเหล่านี้อาจใช้เวลานานและซับซ้อน โดยเฉพาะสำหรับภาษาอังกฤษที่ต้องการเสียงหลายพันเสียง แม้จะมีความท้าทายเหล่านี้ โวคาลอยด์ก็ได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายและหลากหลายมากขึ้นสำหรับผู้ใช้ โดยเทคโนโลยีนี้เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ที่หลากหลาย ดึงดูดทั้งนักดนตรีมือสมัครเล่น และ มืออาชีพในการสร้างสรรค์เพลงร่วมกับเสียงสังเคราะห์
Hatsune Miku สัญลักษณ์ที่โดดเด่น
Hatsune Miku ไม่ใช่แค่ Vocaloid แต่เธอเป็นไอคอนทางวัฒนธรรมและสัญลักษณ์ของยุคดิจิทัล ผลกระทบของเธอต่อดนตรี เทคโนโลยี และ วัฒนธรรมป๊อปมีความลึกซึ้ง ทำให้เธอเป็นหัวข้อที่น่าสนใจในการศึกษา Miku ถูกพัฒนาโดย Crypton Future Media และ เปิดตัวในปี 2007 เป็นส่วนหนึ่งของ “Character Vocal Series” ชื่อของเธอหมายถึง “เสียงแรกของอนาคต” สะท้อนถึงบทบาทนวัตกรรมของเธอในอุตสาหกรรมดนตรี ธนาคารเสียงของ Miku ถูกสร้างขึ้นจากตัวอย่างเสียงของนักพากย์ Saki Fujita ทำให้เธอมีช่วงเสียงที่แตกต่าง และ หลากหลาย รูปลักษณ์ของเธอ ได้ดึงดูดจินตนาการของแฟน ๆ ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
การเพิ่มขึ้นของแฟนคลับของ Miku นั้นมากจนส่งผลให้ความมีชื่อเสียงของเธอได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และ ไม่มีใครเทียบได้ เช่น เพลง “World is Mine” และ “Miku Miku ni Shite Ageru” กลายเป็นฮิตที่ระเบิด ทำให้เธอเป็นที่รู้จักทั่วโลก รูปลักษณ์ที่โดดเด่นและเสียงที่หลากหลายของเธอได้ดึงดูดแฟนๆ ทำให้เกิดการสร้างสรรค์เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นมากมายที่มีตัวละครของเธอ เนื้อหาเหล่านี้รวมถึงเพลงต้นฉบับที่แต่งขึ้นใหม่ การรีเมกผลงานเพลงเก่า งานแฟนอาร์ต และ อนิเมชัน ที่แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ และ ความหลงใหลของชุมชนโวคาลอยด์
หนึ่งในแง่มุมที่น่าทึ่งที่สุดของอาชีพของ Hatsune Miku คือคอนเสิร์ตเสมือนจริง ซึ่งได้มีการแสดงสดต่อหน้าผู้ชมหลายพันคน ทั้งในญี่ปุ่น และ ในระดับนานาชาติ ความสำเร็จของการแสดงเสมือนจริงเหล่านี้ได้เปิดทางให้โวคาลอยด์ ตัวอื่น ๆ ขึ้นเวที และ ขยายความเป็นไปได้ของประสบการณ์ดนตรีสด
อิทธิพลของ Hatsune Miku ยังขยายไปไกลกว่าดนตรี เธอได้ปรากฏตัวในโฆษณา วิดีโอเกม แม้กระทั่งในรายการโทรทัศน์ เช่น รายการพูดคุยตอนดึกของ David Letterman Miku , ได้ร่วมมือกับศิลปินต่าง ๆ , ทำการร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่น เช่น Bershka , มีฟิกเกอร์ และ สินค้าอื่น ๆ วางจำหน่าย ทำให้สถานะของเธอในฐานะไอคอนระดับโลกยิ่งมั่นคง
ความแตกต่างจากคนดังคนอื่นบนโลกใบนี้คือการที่บุคลิกภาพ และ ภาพลักษณ์ของ Hatsune Miku นั้นถูกกำหนดโดยแฟนคลับ ไม่มีเนื้อเรื่องที่เป็นทางการทางการสำหรับตัวละครของเธอ ทำให้แฟน ๆ สามารถตีความ และ สร้างภาพลักษณ์ของเธอในหลายรูปแบบ สิ่งนี้ช่วยเสริมสร้างความนิยม และ ความหลากหลายของเธอ โดยแฟน ๆ ได้สร้างบุคลิก และ เรื่องราวเบื้องหลังต่าง ๆ สำหรับ Miku ซึ่งได้สะท้อนมุมมอง และ วิสัยทัศน์ที่สร้างสรรค์เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาแต่ละคน
ตัวละคร Vocaloid ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
ในบรรดาตัวละครโวคาลอยด์มากมาย มีบางตัวละครที่มีชื่อเสียง และ ได้รับการยอมรับมากกว่าตัวละครอื่น โดยตัวละครเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือสำหรับการผลิตเพลง แต่เป็นไอคอนที่เป็นที่รักซึ่งมีตัวตน และ ฐานแฟนคลับของตนเอง
รายชื่อตัวละคร Vocaloid ที่มีชื่อเสียง
Hatsune Miku
- Hatsune Miku ถูกพัฒนาโดย Crypton Future Media และ เป็นโวคาลอยด์ที่มีชื่อเสียงที่สุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอคือสัญลักษณ์ของโวคาลอยด์ เปิดตัวในปี 2007 Miku ความโด่งดังของเธอได้ไปถึงระดับโลกอย่างรวดเร็วด้วยผมสีเขียว และ การออกแบบที่ล้ำสมัยจับใจผู้คน เธอเป็นตัวแทนของโวคาลอยด์ที่มีชื่อเสียงมากจนส่งผลถึงนวัตกรรม และ อนาคตของวงการดนตรี Voice Bank ของ Miku นั้นถูกสร้างขึ้นโดยใช้เสียงของนักพากย์เสียงที่มีชื่อว่า Saki Fujita ซึ่งเป็นเสียงที่ทำให้เกิดเพลงฮิตมากมาย
Kagamine Rin และ Kagamine Len
- คู่แฝดนี้ถูกพัฒนาโดย Crypton Future Media ทั้ง Kagamine Rin และ Kagamine Len เป็นที่รู้จักจากเสียงที่หลากหลาย และ มีพลัง โดยทั้งคู่มักถูกนำเสนอในฐานะพี่น้องหรือกระจกสะท้อนภาพของกัน และ กัน โดย Rin และ Len ได้ถูกใช้เสียงกับหลายแนวดนตรี ตั้งแต่ป๊อป และ ร็อค ไปจนถึง อิเล็กทรอนิกส์ และ คลาสสิก
Megurine Luka
- Megurine Luka โดดเด่นในฐานะโวคาลอยด์สองภาษา ซึ่งเธอสามารถร้องได้อย่างแม่นยำทั้งในภาษาญี่ปุ่น และ ภาษาอังกฤษ เสียงที่ดูโต และ รูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดได้ทำให้เธอเป็นที่ชื่นชอบในหมู่แฟน ๆ และ ผู้สร้างเพลง ความหลากหลายของ Luka ช่วยให้เธอเข้ากับแนวดนตรีที่แตกต่างกันได้อย่างลงตัว
Kaito และ Meiko
- Kaito และ Meiko เป็นโวคาลอยด์รุ่นแรก ๆ ที่พัฒนาโดย Yamaha ในช่วงแรกพวกเขามีปัญหาในเรื่องความนิยม แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็กลายเป็นบุคคลที่เป็นที่รักในชุมชนโวคาลอยด์ Kaito และ Meiko มักเกี่ยวข้องกับเพลงที่มีธีมแบบดั้งเดิม และ คิดถึงความทรงจำ สะท้อนถึงบทบาทของพวกเขาในฐานะผู้บุกเบิกในโลกของโวคาลอยด์
ผลกระทบทางวัฒนธรรมและการมีส่วนร่วมของชุมชน
นอกเหนือจากความสามารถทางเทคนิค Vocaloid ยังสร้างวัฒนธรรมระดับโลกที่มีผู้สนใจหลายล้านคน โดยการแนะนำอวาตาร์ตัวละครที่เชื่อมโยงเสียงกับ Voice Bank ในไม่ช้าชุมชนขนาดใหญ่ก็ได้เกิดขึ้น โดยมีความผูกพันอย่างลึกซึ้งกับบุคลิกดิจิทัลเหล่านี้
ชุมชนของผู้ผลิต นักวาดภาพ และผู้ที่ชื่นชอบเริ่มสร้างเพลง งานศิลปะ และ เรื่องราวที่เน้นไปที่ตัวละครเหล่านี้ โดยโวคาลอยด์ ได้สร้างชุมชนที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และ ความหลงใหลของศิลปิน โปรดิวเซอร์ และแฟน ๆ ที่ร่วมมือกันและแบ่งปันผลงานออนไลน์ แพลตฟอร์มอย่าง Nico Nico Douga และ YouTube ได้กลายเป็นศูนย์กลางสำหรับดนตรี โวคาลอยด์ อำนวยความสะดวกในการเผยแพร่เพลงต้นฉบับ และ เนื้อหาที่แฟนทำขึ้น การสร้างสรรค์นี้ทำให้หลายคนสามารถแสดงความคิดสร้างสรรค์ได้โดยไม่ถูกจำกัดโดยแนวทางปฏิบัติของอุตสาหกรรมดนตรีแบบดั้งเดิม
นอกจากนี้ คอนเสิร์ตที่มีการฉายภาพโฮโลแกรมของตัวละครได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการแสดงสด งานอย่าง Miku Expo แสดงให้เห็นถึงการเข้าถึงทั่วโลกของโวคาลอยด์ ดึงดูดผู้เข้าร่วมหลายพันคน และ เน้นย้ำถึงการผสมผสานของตัวละครเข้าสู่วัฒนธรรมกระแสหลัก
Vocaloid เข้าสู่ชีวิตจริง
อิทธิพลของโวคาลอยด์ยืดขยายไปไกลเกินกว่าขอบเขตดิจิทัล ทำให้มีความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในวัฒนธรรมป๊อปกระแสหลัก โดยเฉพาะผ่านคอนเสิร์ตเสมือนจริง เหตุการณ์เหล่านี้มีการแสดงโฮโลกราฟิกของตัวละครโวคาลอยด์ ซึ่งดึงดูดแฟนๆ หลายพันคนและนำเสนอการผสมผสานที่ไม่เหมือนใครระหว่างดนตรีและเทคโนโลยีล้ำสมัย ความสามารถในการเห็นตัวละครดิจิทัลแสดงสดบนเวทีมอบประสบการณ์ที่มีส่วนร่วมซึ่งเบลอเส้นแบ่งระหว่างความเป็นจริงและเสมือนจริง สร้างการแสดงที่ดึงดูดผู้ชมทั่วโลก
หนึ่งในผู้แสดงที่โดดเด่นที่สุดคือ Hatsune Miku ซึ่งมักเป็นศิลปินหลักในคอนเสิร์ตเสมือนจริงเหล่านี้ โดยใช้เทคโนโลยีฮอโลกราฟิกขั้นสูง Miku และตัวละครโวคาลอยด์อื่น ๆ จะปรากฏบนเวทีเป็นภาพสามมิติ มีปฏิสัมพันธ์กับนักดนตรีสดและตอบสนองต่อปฏิกิริยาของผู้ชม คอนเสิร์ตมีการออกแบบท่าเต้นอย่างพิถีพิถัน โดยมีภาพและเสียงที่มีคุณภาพสูงทำให้ประสบการณ์รู้สึกมีชีวิตชีวา ผู้ชมสามารถเห็นไอดอลดิจิทัลที่พวกเขาชื่นชอบแสดงท่าเต้นที่ซับซ้อน ร้องเพลงฮิต และแม้แต่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม สร้างบรรยากาศที่คล้ายคลึงกับคอนเสิร์ตแบบดั้งเดิม
อีกหนึ่งในความก้าวหน้าครั้งแรกสำหรับคอนเสิร์ตโวคาลอยด์ คือ “Hatsune Miku : Magical Mirai” ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2013 และ ยังคงเป็นเหตุการณ์ที่มีการรอคอยอย่างสูงทุกปี คอนเสิร์ตเหล่านี้ถูกจัดขึ้นในสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรป ทำให้แฟนๆ ระดับนานาชาติได้สัมผัสกับความมหัศจรรย์ของการแสดงสด ความสำเร็จของคอนเสิร์ตเสมือนจริงเหล่านี้ได้เปิดโอกาสใหม่ให้กับอุตสาหกรรมบันเทิง เทคโนโลยีเบื้องหลังการแสดงเหล่านี้ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการแสดงที่สมจริง และ น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ความท้าทายและการวิจารณ์
แม้จะได้รับความนิยม แต่ Vocaloid ก็เผชิญกับความท้าทายหลายประการ นักวิจารณ์มักตั้งคำถามเกี่ยวกับความจริงใจทางอารมณ์ของดนตรีที่สังเคราะห์เมื่อเปรียบเทียบกับนักแสดงมนุษย์ ความกังวลเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และความเป็นไปได้ในการอิ่มตัวของตลาดยังเป็นอุปสรรคสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนโต้แย้งว่าโวคาลอยด์แทนที่เป็นรูปแบบใหม่ของการแสดงออกทางศิลปะ ช่วยให้เกิดการร่วมมือที่สร้างสรรค์ และ ขยายขอบเขตดนตรี
ทิศทางในอนาคต
อนาคตของ Vocaloid ดูสดใส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความก้าวหน้าในปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสังเคราะห์เสียง สิ่งนี้อาจนำไปสู่การแสดงที่เสมือนจริง และ แสดงอารมณ์ได้มากขึ้น ขยายขอบเขตของดนตรีที่สามารถสร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีโวคาลอยด์นอกจากนี้ การร่วมมือกับศิลปินที่มีชื่อเสียงอาจทำให้โวคาลอยด์เข้าสู่กระแสดนตรีหลักมากยิ่งขึ้น
โดยสรุปแล้ว
Vocaloid ได้เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมดนตรี สร้างโอกาสใหม่สำหรับการแสดงออกทางศิลปะ และ การมีส่วนร่วมของชุมชน การผสมผสานที่ไม่เหมือนใครระหว่างเทคโนโลยี และ ความคิดสร้างสรรค์ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับศิลปินทั่วโลก ขณะเดียวกันโวคาลอยด์ยังคงเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเป็นไปได้มากมายในการสร้างสรรค์ดนตรีดิจิทัลในศตวรรษที่ 21
แหล่งอ้างอิง
The World of Vocaloid – The Global Music Phenomenon Explained
โวคาลอยด์ คือ
[มาเริ่มแต่งเพลงโวคาลอยด์กันเถอะ – ตอน 01] โวคาลอยด์คืออะไร? …ทำไมต้องแต่งเพลง?… และทำไมถึงต้องเป็นเพลงโวคาลอยด์?
Comments are closed